วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ททท.ชูอาหารไทยท้องถิ่น 25 เมนูทั่วประเทศ และ 6 เมนู Amazing Thai Taste พร้อมมอบตราสัญลักษณ์ “สุขใจชวนกิน อาหารถิ่นต้องห้ามพลาด” รับรองความอร่อยแบบไทยและถูกสุขอนามัย

ททท.ชูอาหารไทยท้องถิ่น 25 เมนูทั่วประเทศและ 6 เมนู Amazing Thai Taste พร้อมมอบตราสัญลักษณ์ “สุขใจชวนกิน อาหารถิ่นต้องห้ามพลาด” รับรองความอร่อยแบบไทยและถูกสุขอนามัย



        การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชูอาหารไทยในท้องถิ่นหวังเสริมกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ด้วยการเปิดตัวโครงการเสริมสร้างมาตรฐานอาหารถิ่น “สุขใจชวนกิน อาหารถิ่นต้องห้ามพลาด” เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวได้เลือกรับประทานอาหารไทยประจำภาคและอาหารไทยยอดนิยม ที่ปรุงด้วยวัตถุดิบท้องถิ่นมีรสชาติอร่อยและสะอาดถูกสุขอนามัย
        นายยุทธศักดิ์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า โครงการเสริมสร้างมาตรฐานอาหารถิ่น เป็นโครงการฯ ที่ ททท. ได้นำพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่นิยมรับประทานอาหารในท้องถิ่นเมื่อไปเยือนยังสถานที่ต่างๆ ททท. จึงหยิบยกเมนูอาหารท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาคมาเป็นอีกหนึ่งสินค้าทางการท่องเที่ยว โดยคัดเลือก 25 เมนูจาก 5 ภูมิภาค คือ ภาคเหนือ ได้แก่ ข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว แกงฮังเล ลาบคั่ว น้ำพริกหนุ่มและไส้อั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ซุบหน่อไม้ ไส้กรอกอีสาน แกงอ่อม ลาบเป็ด ไก่ย่าง ภาคกลาง ได้แก่ น้ำพริกกะปิ หลน ปลาดุกผัดเผ็ด แกงฉู่ฉี่ แกงคั่ว ภาคตะวันออก ได้แก่ หมูชะมวง ไก่บ้านต้มระกา ปลากะพงทอดน้ำปลา เส้นจันท์ผัดปู น้ำพริกไข่ปูและภาคใต้ ได้แก่ แกงส้ม(แกงเหลือง) แกงไตปลา คั่วกลิ้ง ผัดสะตอน้ำพริกกุ้งเสียบ นอกจากนี้ ยังได้คัดเลือกอีก 6 เมนู ซึ่งเป็นเมนูอาหารไทยยอดนิยมจากโครงการ อะเมสซิ่งไทย เทสต์(Amazing Thai Taste) ได้แก่ ผัดไทย ต้มข่าไก่ ต้มยำกุ้ง แกงมัสมั่น ส้มตำ และแกงเขียวหวานโดย ททท. จะมอบตราสัญลักษณ์ “สุขใจชวนกิน อาหารถิ่นต้องห้ามพลาด” ให้กับร้านอาหารที่ได้มาตรฐานตามที่กำหนดทั้งวัตถุดิบ รสชาติและความสะอาด เพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นได้ใจว่าจะได้รับประทานอาหารไทยที่มีความอร่อย รสชาติแบบดั้งเดิมและถูกสุขลักษณะ ทั้งนี้ ได้กำหนดพื้นที่ในการดำเนินโครงการไว้ 29 จังหวัด แบ่งเป็น เมนูอาหารท้องถิ่น 5 ภาค ดำเนินการในพื้นที่ “12 เมืองต้องห้าม ... พลาด” และ “12 เมืองต้องห้าม ...พลาดพลัส” รวม 24 จังหวัด ในส่วนของเมนูอาห ารไทยยอดนิยมนั้น ดำเนินการใน 5 จังหวัดหลักทางการท่องเที่ยว ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี และกรุงเทพฯ
       นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติม ทางสถาบันอาหาร ได้พิจารณาร่วมกับ ททท.ในการแต่งตั้งคณะกรรมการตัดสิน โดยแบ่งออกเป็นคณะกรรมการ ส่วนกลาง ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 7 ท่าน ได้แก่ 1. นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  2. นางสาวสุนทรีย์ เกตุคง ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ ผู้แทนจากสถาบันอาหาร  3. เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย ด้านอาหารไทยและเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนอาหารไทย เอ็ม เอส ซี  4. เชฟสมศักดิ์ รารองคำ นายกสมาคมเชฟ แห่งประเทศไทย  5. ดร.นฤมล นันทรักษ์ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการด้านอาหารไทย  6. มล.ภาสันต์ สวัสดิวัฒน์ นักชิม และเซเลบริตี้ด้านอาหาร  7. นายเกริกพล มัสยวาณิช ดารานักชิมที่มีชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับ ตัดสินอาหารไทย ยอดนิยม 6 เมนู และคณะกรรมการประจำแต่ละภูมิภาคภาคละ 1 ชุด รวม 5 ชุดประกอบด้วยคณะกรรมการ 5 ท่าน ได้แก่  1. ผู้แทนจาก ททท.  2. ผู้แทนจากสถาบันอาหาร  3. ผู้แทนจากสำนักงานวัฒนธรรมท้องถิ่นจังหวัด  4. ผู้แทนสมาคมเชฟประจำภูมิภาค  5. สื่อมวลชนประจำท้องถิ่น พร้อมนักวิชาการจากสถาบันอาหาร ทำการตรวจร้านอาหารในพื้นที่โครงการฯ เพื่อตัดสินอาหารท้องถิ่นโดยเกณฑ์การตัดสินจะพิจารณามาจาก 5 หัวข้อหลัก คือ  1. สุขอนามัยและความปลอดภัย  2. คุณค่าวัตถุดิบท้องถิ่นไทย  3.รสชาติ  4.เนื้อสัมผัส และ  5. การนำเสนออาหาร โดยร้านอาหารที่ผ่านการตัดสินจะได้รับใบรับรองมาตรฐานอาหารจาก ททท. ตุ๊กตาน้องสุขใจพร้อมสติ๊กเกอร์ตราสัญลักษณ์โครงการฯ เพื่อแสดงให้เห็นว่าร้านดังกล่าวได้รับการคัดเลือกตรงตามมาตรฐานของโครงการเสริมสร้างมาตรฐานอาหารถิ่น “สุขใจชวนกิน อาหารถิ่นต้องห้ามพลาด
      เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย ด้านอาหารไทย ซึ่งเป็นคณะกรรมการและ ที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวเสริมว่า อาหารถิ่นในแต่ละพื้นที่จะมีเอกลักษณ์ และวัฒนธรรมท้องถิ่นเฉพาะที่ แตกต่างกันออกไป เพราะอาหาร 1 จานต้องมีองค์ประกอบที่สมดุล ทั้งคุณภาพของวัตถุดิบ รสชาติแบบไทยแท้ ดั้งเดิม ความสะอาดในการประกอบอาหาร การเลือกภาชนะใส่อาหาร การจัดวางและตกแต่ง ก็มีส่วนสำคัญ ที่ช่วยให้อาหารถิ่นน่ารับประทานและเพิ่มมูลค่าได้ ซึ่งคณะกรรมการจะให้ความสำคัญในทุกอย่าง เพื่อให้ ตราสัญลักษณ์ “สุขใจชวนกิน อาหารถิ่นต้องห้ามพลาด” นี้ เป็นเครื่องหมายที่นักท่องเที่ยวสามารถวางใจถึง คุณภาพของอาหารถิ่นได้อย่างแท้จริง
      ทั้งนี้ คณะกรรมการ จะเริ่มลงพื้นที่พิจารณาตัดสินอาหารทั้ง 31 เมนู 29 จังหวัด ในเดือน สิงหาคม - กันยายน 2559 ประกาศผลการตัดสินและมอบประกาศนียบัตรในเดือน ตุลาคม 2559 โดย ททท. คาดว่า จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางท่องเที่ยว ได้สัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่นผ่านอาหารประจำภาคที่มีรสชาติ อร่อยแบบดั้งเดิมและปลอดภัย




ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก www.tatnewsthai.org  | AmazingThaiTaste Channel